บุกตะลุยสถานีรถไฟสุดท้ายก่อนถึงโซนห้ามเข้าเพราะรังสี กับ Tomioka Station
|
อย่างที่หลายๆ คนทราบกันว่า ที่ญี่ปุ่น เมื่อปี 2554 เดือนมีนาคม ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและเกิดคลื่นสึนามิ ที่กระทบต่อหลายจังหวัดในฝั่งตะวันออกของเกาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาการรั่วไหลของรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Fukushima Daiichi
จึงทำให้บริเวณรอบโรงไฟฟ้า ต้องประกาศเป็นพื้นที่ห้ามเข้า ทำให้โซนนั้นกลายเป็นเมืองร้างในทันที
และเส้นทางรถไฟที่เข้าไปในโซนนั้นก็ถูกจำกัดไม่ให้เข้าไปในพื้นที่นั้น
ต่อมาเมื่อปี 2560 เดือนตุลาคม ได้มีการเปิดการเดินรถไฟเพิ่มเติมของเส้นทางรถไฟสาย Joban โดยสถานีสุดท้ายที่สามารถไปได้ คือสถานี Tomioka ในเขตจังหวัด Fukushima นั่นเอง
ผมไปเที่ยวมาเมื่อปีใหม่ 2561 ครับ ก็เลยขอลองเข้าไปดูสักหน่อย ดูน่าสนใจจริงๆ
จากเส้นทางเดินทาง จะเห็นได้ว่า ผมต้องขึ้นรถไฟสาย Joban Line จากสถานี UENO ในโตเกียว เพื่อไปลงสถานี Iwaki เพื่อต่อรถไฟสาย Local ไปยังสถานี Tomioka ซึ่งเอาเร็วสุด ก็ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
เริ่มเดินทางหละ!
ผมพักแถวสถานี Uguisudani ครับ (ถัดจากสถานี UENO ไป 1สถานี)
ปล. สภาพบริเวณนั้น (รวมถึงโซนย่าน UENO / minami-senju / arakawa / sumida / san-ya) เราจะรีวิวในโอกาสถัดไป
การเดินทางจะมีสองช่วงคือช่วงจาก Tokyo ไป Iwaki (Joban Line) โดยรถไฟขบวน Tokiwa และ จาก Iwaki ไปที่ Tomioka โดยรถไฟ Local ออก 7.00 น. ตามสเตปคือ จะไปถึงที่ Tomioka ราวๆ 10.00 โมง
ทั้งนี้ค่าใช้จ่าย ก็เก็บสองอย่าง
ค่าเดินทาง โดยเค้าจะนับตั้งแต่โซน Tokyo ถึงปลายทาง (Tomioka) โดนไป 4,430 เยน
อีกค่าก็คือที่นั่งสำรองสำหรับสาย Limited Express (Tokiwa) ก็โดนไปอีก 2500 เยน เพราะสายนี้ต้องจองเท่านั้นครับ
จริงๆ มันสามารถไปโดยใช้ค่าใช้จ่ายถูกกว่าได้ แต่มันต้องต่อเยอะ และใช้เวลานานมาก
ณ ชานชลา ที่ 8 สถานี UENO รถไฟสาย Tokiwa มาหละ ก็ตรงเวลาตามประเทศนี้
แผนผังรถไฟ เป็นแบบ reserved ล้วนๆ เลย
แน่นอน การนั่งรถไฟสายยาวๆ ก็ต้องข้าวกล่องรถไฟ! วันนี้กินแนว full corse สักหน่อย
ข้าวกล่องรถไฟถ้าซื้อช่วงเช้า ก็จะดูสดใหม่กว่า (แต่จริงๆ ก็ขอทางร้านเค้าอุ่นเพิ่มเติมได้แหละนะ)
ปล. ข้าวกล่องรถไฟ รสชาติก็ใช้ได้แหละ อย่าไปหวังรสอะไรมากนะ
ปล2. ไอ้ของอร่อยๆ มันก็มี แต่มักหมดไวกว่าใครเพื่อน
บ้ายบายโตเกียว กับวิวที่คุ้นเคย (หากคุณขึ้นรถไฟขึ้นเหนือ)
มาสักพัก ก็จะเจอทุ่งไร่ทุ่งนา ดูวิวรอบๆ เพลินๆ ราวชะโงกทัวร์
มาถึงสถานี Iwaki แล้วนะ แต่ก็เที่ยวอะไรไม่ได้ เพราะต้องไปต่อขบวน (มีเวลา 4 นาทีในการต่อขบวน)
เราจะไปขบวน 9.22 นี่แหละ สุดสายที่ Tomioka
จะเห็นได้ว่า รถไฟ Local จะมีเวลาเดินทางที่ไม่ถี่เลย คือถ้าพลาด ก็รอไปชั่วโมงนึง
บรรยากาศและวิว ก็จะอารมณ์ต่างจังหวัดอย่างชัดเจน สถานีรถไฟเล็กๆ บ้านเมืองคนน้อยๆ เรียบง่าย สายไฟระโยงระยาง
สายรถไฟช่วงนี้คือจะเลาะริมทะเลครับ ดังนั้นก็จะได้เห็นวิวทะเลอย่างชัดเจน คลื่นแรงเลยทีเดียว
รถไฟก็ตามคาดครับ แทบไร้คน….. (อาจเพราะวันปีใหม่ด้วยแหละ)
ทั้งนี้ ผมสังเกตว่ามีแนวนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย สงสัยจะมาลุยเหมือนกัน
สายไฟฟ้าแรงสูง มาจากโรงไฟฟ้า Fukushima Daini (อันนี้ไม่ได้โดนผลกระทบเน้อ)
มาสักพัก เราจะได้เห็นร่องรอยการฟื้นฟูความเสียหายจากสึนามิ นั่นคือพวกซากหรือสิ่งของที่เสียหายจากสึนามิ ซึ่งดูจากภาพแล้ว ก็ยังดำเนินการไม่เสร็จ
ถุงใส่ซากต่างๆ อันนี้ไม่แน่ใจว่าเค้าจะเอาไปทำอะไรต่อ หรือวางไว้แบบนั้น
วันนี้วันหยุด จึงไม่ทำงานกันนะ
พวกซากความเสียหาย ก็ยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่เช่นกัน
ถึงสถานี Tomioka แล้วหละ
ก่อนอื่นขอถ่ายภาพรถไฟที่เรามากันก่อน (เพราะตอนอยู่ Iwaki ไม่มีเวลาถ่ายเลย)
สภาพของสถานี จากมุมชานชลา
มีคนลงไม่น้อยเลย
ณ จากจุดนี้ ไปด้านใน คือโซนที่รถไฟยังเข้าไปไม่ได้ครับ ส่วนนึงอันเนื่องจากกัมมันตรังสีที่ยังเหลือด้วย
ถ้านั่งบัสเข้าไป อาจเข้าไปลึกกว่านี้ได้ … แต่ไม่มีเวลาเข้าหละ วันนี้แอ่วแถวนี้ก่อน
ขากลับไป Iwaki รถออก 11.30 ครับ มีเวลาเดินเล่นราวชั่วโมงกว่า
ถ้าเลยเวลานี้ไป ก็ต้องออกอีกทีคือนานเลยครับ
สถานีเล็กๆ เวลาติดต่ออะไร ก็คุยในช่องนี้แหละ
แน่นอนว่า สื่อสารลำบากมาก 555555
แต่มี จนท. คนนึงพอทราบภาษาอังกฤษ รอบนี้เลยรอดตาย
ซื้อตั๋ว ต้องใช้เครื่องนี้แหละครับ
ปัญหาสำคัญคือ ตอนขากลับผมจะจอง Tokiwa จาก Iwaki เข้า ueno ด้วยนี่สิ … เพราะถ้าปกติคือผมไปบูท JR บอกเค้า เค้าก็ออกตั๋วให้
แต่นี่คือ ต้องซื้อตั๋วแบบ reserved ผ่านเครื่องนี้ด้วย ก็เลยยากขึ้นไปอีกขั้น
ยังดีที่มีพี่ จนท. ใจดีมาช่วยไกด์ให้ เลยสามารถซื้อได้
ภายนอกสถานี Tomioka ซึ่งเป็นสถานีที่มีการปรับปรุงใหม่แล้ว (ก่อนหน้านั้นเจอสึนามิซัดพังไป)
ถ่ายป้ายสถานีสักหน่อย ให้รู้ว่าเรามาแล้ว
ร้านค้าสถานีก็มีร้านนี้ร้านเดียวนี่แหละ KINONE Sakura Station
แล้วที่สำคัญ รอบๆ สถานี ไร้ร้านค้าโดยสิ้นเชิง …
ในร้านค้า ก็มีขายอาหารด้วยนะ
อาหารก็เรียบง่าย เช่นพวกข้าวแกงกะหรี่ คัตสึด้ง อุด้ง โซบะ ราคาก็ค่อนข้างมาตรฐาน
ที่ตกใจคือ มีขายกาแฟ Amazon ด้วย!!
มาเป็นเครื่องชงเลยทีเดียว
ถ้าจะไปร้าน ต้องนั่งรถไปที่ Kawauchi mura เลยทีเดียว (ใช้เวลา 40 นาที โดยรถส่วนตัว)
แม้จะเป็นร้านเล็กๆ คน flow น้อยมากๆ แต่ก็ยังมีส่วนของครัวในการทำอาหารนะ
มีทีวีให้ดูด้วย
มานั่งกินเพลินๆ ได้ …
ที่ผมสั่งก็ตามนี้ เบสิกสุดๆ
ข้าวแกงกะหรี่หมูทอด
แบบบ้านๆ รสชาติบ้านๆ ตามปกติบ้านๆ *-*
และแน่นอน ต้องลอง Amazon!
รสชาตินั้น……….. ก็ Amazon ไทยนั่นแหละ *-*
หลังจากเติมพลังกันแล้ว ก็ได้เวลาเดินเล่นรอบๆ นั้นหละ
ณ ป้ายรถเมล์ หากคุณจะนั่งไปต่อพื้นที่อื่น
นานๆ จะมาโผล่สักคัน
แท็กซี่ก็ไม่เห็นเลย
รู้สึกตัวเองเป็นคนครองพื้นที่นี้ 555
โรงแรมหนึ่งเดียวที่ตั้งเด่แถวนั้น Tomioka Hotel ใครสนใจก็มาพักได้ (?!)
บรรยากาศวิวรอบสถานี สงบเงียบไร้คน
โซนนี้ก็มีปิดกั้นสองฟากตลอดแนว คาดว่าคงเป็นโซนคัดแยกซาก
ตรงปิดกั้นก็มีป้ายนิดหน่อย ทำให้เรารู้สึกว่า เมืองนี้ก็พยายามฟื้นฟูเรื่องการท่องเที่ยวเช่นกัน
มาสคอตของเมือง Tomippi น่ารักทีเดียว
มาถึงเมืองนี้ ก็จะเจอทุ่งหญ้าเล็กๆ ที่คาดว่าเมื่อก่อนน่าจะเป็นที่อยูอาศัย แต่โดนสึนามิซัดแล้ว
ณ จุดนี้ ก็ยังมีการทำงานอย่างต่อเนื่องอยู่ (แต่วันนี้หยุด เลยเห็นแต่รถจอดไว้)
ถนนที่ยังคงเหลือร่องรองความเสียหายอยู่บ้าง
ถนนและความว่างเปล่า พร้อมเครื่องวัดรังสี
ค่ารังสี ณ ขนาดนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
ป้ายแสดงจุดที่เกิดสึนามิ และระวังในการเข้าไป
ซากที่เคยเป็นที่อยู่อาศัย ยังเห็นร่องรอยส้วมอยู่เลย
โซนนี้กั้นไม่ให้เข้านะ
จุดคัดแยกซาก
อันนี้เหมือนจะมีการก่อสร้างชายฝั่งใหม่ และดูน่าจะช่วยป้องกันหากเกิดสึนามิอีก
ซึ่งตรงที่มีกั้น อันนี้ผมไม่ได้เข้าไปนะครับ (แม้จะไม่มีใครอยู่แถวนั้นสักคน)… เพื่อความปลอดภัยของตัวเองด้วยแหละ
ป้ายนี้เป็นการบอกเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้น ลักษณะเหตุการณ์ ความเสียหายที่เกิด ผมว่าน่าสนใจมากนะ
มันเป็นการทำให้ได้ความรู้เพิ่มดี
ลูกศรตรงซ้ายล่างคือที่เราอยู่ ส่วนจุดกลางๆ คือโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิจิ ที่เกิดการรั่วไหลของรังสี
จะเห็นว่าสึนามิได้สร้างความเสียหายทั้งแถบเป็นอย่างมาก ดูได้จากภาพถ่าย
อันนี้คืออธิบายขณะที่เกิดสึนามิ จะเห็นว่าคลื่นได้เข้ามาแล้วทำลายโครงสร้างของตลิ่งจนสิ้น
ภาพถ่ายจากมุมด้านบนพร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องต่างๆ ถือว่าได้ความรู้ดี (ถ้าอ่านออก)…
ปล. ผมใช้ถ่ายภาพแล้วลงกุเกิล translate ก็จะพอทราบได้คร่าวๆ …
จุดนี้ ผมเดินขึ้นทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นถนนขึ้นเขา
เราก็จะเห็นบรรยากาศริมทะเล ซึ่งคลื่นแรงอยู่
โป๊ะที่ทำงานเกี่ยวกับการสร้างตลิ่ง
ถ่ายจากเนินลงมา ก็เห็นบรรยากาศโดยรวม
จะเห็นที่อยู่ไกลๆ เป็นแท่งตึกสี่เหลี่ยม นั่นคือโรงไฟฟ้า Fukushima Daini
โซนนี้เป็นผาดูน่ากลัว คลื่นซัดแรงมาก แต่ก็ดูสวยงามดีนะ
โซนนี้ตรงไป ก็จะเป็นโซนบ้านคนบนเนินเขา ที่คาดว่าไม่น่าจะเจอผลกระทบสึนามิ
(แต่ผมไม่ได้เข้าไปนะ กลัวออกมาไม่ทันรถไฟ)
มุมมองจากบนสะพานข้ามรถไฟ จะเห็นอาคารโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ไดนิ อย่างชัดเจน
(แน่นอน ผมไม่ไปแหงๆ ถึงไปก็เข้าไม่ได้อยู่ดี *-*)
รถไฟขากลับมาหละครับ ตามเวลา
………….. แต่ไหงมันไฮโซกว่าขามาหละ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ limited แท้ๆ
จากที่เคยบอกว่า ผมต้องคุยกับ จนท สถานีเพื่อจองตั๋วกลับ UENO ทางเค้าก็เขียนโนตย่อยอธิบายเวลาในการเดินทางด้วย น่ารักจริงๆ
มีเวลา 6 นาทีในการต่อขบวน ก็หายใจโล่งขึ้นมาหน่อยนึง
บรรยากาศร้างคนแบบเดิมๆ เพิ่มเติมคือความไฮโซของรถไฟที่มากขึ้น
กลับมาเจอซากเดิมๆ ไม่ตื่นเต้นแล้วหละ
แต่ก็ทำให้เราได้คิดอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น
ลาก่อย Tomioka
ได้เวลาต่อขบวนที่ Iwaki อีกครั้ง กับนายสถานีใจดี
สาย Tokiwa เช่นเดิม ที่เราเคยนั่ง
จุดที่นั่ง เราจะผ่านเมืองที่คุ้นชื่อแต่ไม่ค่อยมีใครมาเที่ยวอย่าง Hitachi ..
แน่นอน เมืองนี้มันก็คือที่ตั้งโรงงานฮิตาชินั่นเอง
เราจึงได้เห็นอาคารโรงงานของฮิตาชิ ยาวตามแนวรถไฟฟ้าเลยทีเดียว
แล้วก็จบไดอารี่การเดินทางไปยัง Tomioka แม้ราคาจะสูง เดินทางก็ไกล แต่ก็ถือว่าเป็นความสนุก และได้ลุยดูอะไรที่คนไม่ค่อยจะไปกันเท่าไร
และผมคิดว่า หลังจากเค้าเปิดสถานีรถไฟ ที่ตอนนี้ยังปิดอยู่ (Yonomiri Ono Futaba) แล้ว ผมก็คงไปลุยอีกแน่นอน อย่างน้อยก็ได้เห็นซากความเสียหาย การพัฒนาพื้นที่ และความรู้จากภัยพิบัติแบบนี้